พระกริ่งพุทธบารมี พระอาจารย์จวบ วัดแสนสุขธรรมาราม ร้อยเอ็ด

พระกริ่ง “พุทธบารมี"
พระกริ่งแห่งกำลังพระโพธิญาณ สถาปนาสร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาเพื่อร่วมบุญใหญ่ “ปลดหนี้ – ซื้อที่ดิน – สร้างวัดแสนสุขธรรมาราม จ.ร้อยเอ็ด”
 
 
 
 
สาระสำคัญแห่งวัตถุประสงค์การจัดสร้างวัตถุมงคลในห้วงนี้
โดยวัดแสนสุขธรรมาราม จัดสร้างขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมบุญอันยิ่งใหญ่ 3 ประการ ดังนี้
๑. เพื่อจัดซื้อที่ดินสำหรับขยายเขตธรณีสงฆ์ของทางวัด
๒. เพื่อก่อสร้างห้องปฏิบัติธรรมกรรมฐาน สำหรับเจริญสมาธิภาวนา
๓. เพื่อขอขยายกำลังกระแสไฟฟ้าเข้าสู่เขตวัด เพื่อรองรับกิจกรรมในพระศาสนาอย่างเพียงพอ
 
ด้วยภาระดังกล่าว ทางวัดจึงต้องแบกรับหนี้รวมเกือบ 1,400,000 บาท (ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายจากสิ่งปลูกสร้างที่กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบันส่วนอื่นๆ)
เนื่องด้วย วัดแสนสุขธรรมาราม เป็นวัดใหม่ที่เพิ่งได้รับการรับรองเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2562 จึงจำเป็นต้องจัดสร้างเสนาสนะขึ้นมาใหม่ทั้งหมด
พระอาจารย์จวบ ท่านจึงมีดำริให้จัดสร้างวัตถุมงคลต่าง ๆ ตามภูมิรู้ ภูมิธรรม ที่ท่านได้เล่าเรียนมา เพื่อไว้เป็นของที่ระลึกตอบแทนแก่ผู้ร่วมบุญทุกท่าน โดยเน้นย้ำว่า
“ขอให้มองวัตถุมงคลเหล่านี้เป็นของที่ระลึกจากใจ ที่พระอาจารย์ตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อมอบตอบแทนให้กับญาติโยมที่ได้มีส่วนร่วมในการสร้างวัด สร้างบารมีกับท่าน”
และนี่คือความตั้งใจอันแท้จริงที่พระอาจารย์จวบปรารถนาจะส่งถ้อยความถึงทุกท่าน เพื่อให้เกิดความเข้าใจในเจตนารมณ์แห่งการจัดสร้างวัตถุมงคลในครั้งนี้ และในโอกาสต่อ ๆไปเบื้องหน้าว่ามีวัตถุประสงค์ในการใด
 
 
ลองสละเวลาอ่านสักนิด
หากจะถามถึงความน่าสนใจว่าเหตุใด พระกริ่งพุทธบารมี จึงควรค่าแก่การบูชา วันนี้ขอนำมาเล่าเรียงสั้น ๆ พอเป็นสังเขป ก่อนที่จะได้เรียบเรียงอย่างละเอียดในโอกาสถัดไป ดังนี้
 
• ก่อนวันหล่อพระกริ่งเพียงไม่กี่วัน พระอาจารย์ได้รับมอบ “ระฆังเก่า” อายุกว่าร้อยปี ซึ่งได้นำมาทำผาติกรรมเพื่อหลอมเป็นชนวนสำหรับพระกริ่งชุดนี้ (กริ่งกังวานโด่งดัง เป็นที่เลื่องลือ)
 
• ในวันประกอบพิธีเททอง ขณะพระอาจารย์กำหนดจิตเททองอยู่นั้น ได้ปรากฏพระเถระชราผู้หนึ่ง อายุราว ๘๐ ปี ปรากฏในสมาธิของท่าน เห็นเพียงครึ่งองค์แล้วพลันเลือนหาย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแสงสว่างเจิดจ้าจนหาที่สุดมิได้ ซึ่งพระองค์นั้นคือ…. (จะขอเล่าในโอกาสถัดไป)
 
• พระกริ่งนี้สำเร็จด้วย กำลังแห่งพระโพธิญาณ โดยพระอาจารย์ได้ตั้งจิตขอเมตตากำลังของพระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ แผ่บารมีเข้าสู่พระกริ่งชุดนี้ หลังจากที่ท่านกล่าวอธิษฐานจบ ก็มีลมพัดใบโพธิ์ปลิวมาเสียบที่บายศรีครู ที่อยู่ตรงหน้าท่านอย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งพระอาจารย์ได้เพียงแต่ยิ้มและกล่าวสาธุเบา ๆ
 
• นายช่างโรงงานหล่อพระได้กล่าวว่า พระกริ่งชุดนี้แม้จะมีจำนวนการสร้างน้อย แต่ใช้ชนวนมหาศาลหลายสิบกิโลกรัม ซึ่งหาได้ยากยิ่ง แสดงออกถึงความตั้งใจอันแรงกล้าของพระอาจารย์
 
• พระกริ่งพุทธบารมีชุดนี้ แม้แต่ “ผีผู้เป็นเจ้าแห่งป่า” ยังอยากขอทำบุญ หรือแม้แต่ “เทพเทวดา” ยังตำหนิว่าท่านสร้างน้อยเกินไป ซึ่งเรื่องนี้เป็นอจินไตย ที่พระอาจารย์ได้เมตตาเล่าไว้
 
 
 
 
• พระกริ่งทั้งหมดได้นำเข้าพิธีค้ำดวงชะตาและพิธีสวดนพเคราะห์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เถลิงศกปีใหม่ไทย ตามดำริของพระอาจารย์ ท่านกล่าวว่า “ผู้ที่บูชาพระกริ่งนี้ จะตกต่ำไม่ได้”
 
• พระกริ่งชุดนี้ พระอาจารย์ได้เมตตาอธิษฐานจิตเดี่ยวอย่างต่อเนื่อง โดยท่านเล่าว่า “พระกริ่งนี้สำเร็จด้วยกำลังพระโพธิญาณ” จึงต้องอธิษฐานจิตด้วยตัวท่านเองผู้ปรารถนาในทางนี้ ไม่สามารถไปให้ครูบาอาจารย์ท่านอื่นเสกได้ ด้วยเพราะเกรงว่าความปรารถนาของท่านเหล่านั้นอาจไม่ตรงต่อสายกำลังแห่งพระโพธิญาณนัก
 
• พระกริ่งพุทธบารมีชุดนี้ ยังมีกำหนดเข้าพิธีใหญ่ในวันวิสาขบูชา วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และจะมีพิธีสมโภชอธิษฐานจิตปิดท้ายอีกครั้งในวันจันทร์ที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะเส็ง จึงถือเป็นการครบถ้วนกระบวนความทุกประการ
 
เมื่อทราบเหตุปัจจัยตามนี้แล้ว ที่เหลือก็คงแล้วแต่วิจารณญาณของทุกท่าน ว่าจะพิจารณาเห็นคุณค่า ควรแก่การบูชาพระกริ่งพุทธบารมีชุดนี้มากน้อยเพียงใด?
 
 
อันพระกริ่งพุทธบารมีนี้ นับเป็นวัตถุมงคลสำคัญอีกรุ่นหนึ่งของพระอาจารย์จวบ ด้วยกระบวนการจัดสร้างที่มิได้เกิดจากความตั้งใจลอย ๆ แต่ต้องตั้งจิตอธิษฐานเสี่ยงทายบารมีเสียก่อน ว่าจะสามารถสร้างสำเร็จหรือไม่?
 
พระอาจารย์จึงได้ประกอบพิธีหล่อพระเสี่ยงทายจำนวนหนึ่งในวันที่ 8 มกราคม 2568 ผลปรากฏว่า พระเจ้าเสี่ยงทายที่หล่อขึ้นโดยผ่านการอธิษฐานเสี่ยงทายนั้นล้วนสมบูรณ์พร้อมทุกองค์ ในขณะที่พระอีกชุดหนึ่งซึ่งหล่อขึ้นพร้อมกัน เททองจากเบ้าเดียวกัน แต่ไม่ได้ตั้งจิตอธิษฐานกำกับไว้ ปรากฏว่าชำรุดเสียหาย ใช้การไม่ได้แม้แต่เพียงองค์เดียว
 
 
ด้วยเหตุนี้ พระอาจารย์จึงได้ประกาศเจตนารมณ์ต่อเทพยุดาฟ้าดิน และภูมิเจ้าวัด พร้อมพลีทองชนวนจากการเสี่ยงทายครั้งนั้น มาสร้างพระกริ่งพุทธบารมีรุ่นแรกนี้ นี่จึงนับเป็นปฐมเหตุแห่งการกำเนิดพระกริ่งพุทธบารมีอันศักดิ์สิทธิ์
 
ในวันที่ 7-9 มีนาคม 2568 พระอาจารย์ได้ตั้งราชวัตรมณฑล พิธีอธิษฐานชนวนที่เตรียมนำมาหลอมหล่อ โดยประกอบพิธีกรรมทั้งทางพุทธมนต์และเทวะมนต์ ต่อเนื่องยาวนานถึง 3 วัน 3 คืน โดยมีคณะพราหมณ์ทางวัดฯ เป็นผู้ช่วย
 
 
เหตุการณ์น่าอัศจรรย์ก่อนวันเททอง
ก่อนวันเททอง 1 วัน พระอาจารย์ได้เดินทางจากจังหวัดร้อยเอ็ดลงมาที่ รอยพระพุทธบาทสระบุรี ตามเสียงนำในสมาธิ ที่กล่าวกับท่านว่า
“ให้ไปนมัสการเฉพาะรอยพระพุทธบาท อย่าแวะกราบพระพุทธรูปอื่นใด และจงตั้งจิตอธิษบานปิดทองเฉพาะตรงรอยพระพุทธบาทนั้น”
 
พระอาจารย์ท่านได้ปฏิบัติตามตราบเมื่อนมัสการเสร็จสิ้นแล้ว ท่านได้ตั้งจิตอธิษฐานเสี่ยงทายบารมี ด้วยการยก “ช้างโลหะ” ซึ่งวางไว้ ณ บริเวณนั้น โดยตั้งสัจอธิษฐานว่า:
“สาธุ หากข้าพเจ้า พระอธิการประจวบ ปัญญาธีโร จะสร้างพระกริ่งพุทธบารมีให้ลือชาปรากฏ เป็นที่พึ่งแก่เหล่าเวไนยสัตว์แล้วไซร้ ขอให้ช้างนี้เบา”
ปรากฏว่าเมื่อท่านยก ช้างก็เบาราวปุยนุ่น ยกขึ้นได้อย่างง่ายดาย จากนั้นท่านอธิษฐานซ้ำอีกครั้งแบบเดิม แค่คราวนี้ขอให้ช้างนั้นหนัก ปรากฏว่ายกเท่าไหร่ก็ยกไม่ขึ้นเลยแม้แต่น้อย
 
 
เหตุการณ์อัศจรรย์นี้ มีพระภิกษุและคณะญาติโยมที่ติดตามเป็นพยานเห็นอย่างชัดเจน
นี่เป็นเพียงบางส่วนที่ผู้เขียนขออนุญาตบันทึกไว้ เพื่อไล่เรียงเหตุการณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่การเสี่ยงทายจนถึงพิธีกรรม อันเป็นที่มาของพระกริ่งพุทธบารมีรุ่นนี้
เสมือนเป็น “สูจิบัตร” ประกอบองค์พระกริ่งอันศักดิ์สิทธิ์ชุดนี้
 
 
 
ในวันประกอบพิธีเททอง พระอาจารย์ได้กำหนดฤกษ์มหามงคล คือ
วันที่ 11 มีนาคม 2568 เวลา 11.11 น.
เมื่อถึงเวลาฤกษ์ พระอาจารย์ได้หยิบแผ่นทองคำขึ้นมา เขียนพระนาม“พระกริ่งพุทธบารมี” บนแผ่นหนึ่ง และเขียน ยันต์เทพนิมิต อีกแผ่นหนึ่ง เพื่อเพิ่มลงในชนวนหล่อองค์พระ
 
ขณะนั้น บัณฑิตพราหมณ์ได้ประกอบพิธีบวงสรวง อ่านโองการตามที่พระอาจารย์กำหนดไว้ ส่วนพระอาจารย์ได้ตั้งสมาธิ อธิษฐานจิตเป็นระยะ ๆ ตลอดพิธี
ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีบวงสรวง พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า
 
 
“ในนิมิต ท่านเห็นพระภิกษุชรารูปหนึ่ง ผอมบาง อายุราวๆ 80 ปี ปรากฏในพิธี แต่เห็นเพียงครึ่งองค์ราวกับมาร่วมอนุโมทนาเป็นสักขีพยาน แล้วก็หายไป จากนั้นก็เกิดแสงสว่างขาวนวลดั่งสปอร์ตไลต์ แต่หาที่สุดมิได้ ไม่มีต้น ไม่มีปลายยังบริเวณพิธี”
 
พระภิกษุลึกลับในนิมิตนั้น สันนิษฐานได้ว่า เป็นผู้เกี่ยวข้องกับพระกริ่งองค์สำคัญที่พระอาจารย์จวบได้อัญเชิญมาจากบ้านของผู้หลักผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง เพื่อหนุนพลังบารมีให้กับการสร้างพระกริ่งพุทธบารมีรุ่นนี้
 
อย่างไรก็ดี พระอาจารย์พิจารณาว่า พลังบารมีของพระกริ่งองค์ประธานนั้น ออกไปในทาง “วาสนาบารมี” เหมาะแก่เจ้าใหญ่นายโต ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับวิถีของผู้คนทั่วไป จึงได้ตั้งจิตขอเอากำลังแห่งพระโพธิญาณของพระโพธิสัตว์ทั้งหลายนำเป็นกำลังประธาน แล้วหนุนเสริมด้วยบารมีของพระกริ่งองค์สำคัญนั้นเข้าประกอบภายหลัง
(ขอเปิดเผยเพียงสั้น ๆ ว่า พระกริ่งองค์ประธานในพิธีนี้ เป็นพระกริ่งสำคัญจากวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งในย่านบางลำภู ซึ่งมีมูลค่าสูงยิ่งในวงการ)
 
 
เหตุอัศจรรย์อีกประการในพิธี
ระหว่างที่พระอาจารย์กำลังกล่าวอธิบายถึงการอัญเชิญกำลังพระโพธิญาณนั้น จู่ ๆก็มีใบโพธิ์ปลิวลอยมาอย่างแผ่วเบาก่อนหล่นลงเสียบคาที่บายศรีครู ตรงหน้าโต๊ะบวงสรวงต่อหน้าพระอาจารย์อย่างเหมาะเจาะพอดิบพอดี เป็นภาพที่ผู้ร่วมพิธีหลายคนได้เห็นพร้อมตากัน ต่างบังเกิดความปีติเลื่อมใสประหนึ่งเทพเทวาอัญเชิญมาถวาย
 
 
หมายเหตุเพิ่มเติม
หลังจากเททองพระกริ่งครบทุกเนื้อแล้ว ชนวนโลหะที่เหลือทั้งหมด พระอาจารย์ได้นำมาหล่อเป็นพระกริ่งเนื้อมหาชนวนล้วน ๆ โดยไม่ผสมโลหะอื่นแม้แต่น้อย ได้จำนวนทั้งสิ้น 82 องค์ ซึ่งน่าอัศจรรย์ตรงกับตัวเลขของพระภิกษุลึกลับที่ปรากฏในพิธีอย่างพอดิบพอดี
 
 
ในตอนนี้ ขอนำไล่เรียงรายละเอียดเกี่ยวกับ ชนวนโลหะ และ ผงมวลสารศักดิ์สิทธิ์ ที่ใช้ในการจัดสร้างพระกริ่งพุทธบารมีอันเปี่ยมบารมีรุ่นนี้
ชนวนโลหะที่ใช้ในการหล่อพระกริ่ง ประกอบด้วย:
 
• แผ่นยันต์ 108 และ นะ14 ตามตำราบังคับการสร้างพระกริ่งตามสายวิชาโบราณ
• ชนวนทองจากพระเสี่ยงทาย
• ระฆัง-ฆ้องสัมฤทธิ์เก่าจำนวนหลายใบ
• แผ่นจารยันต์ต่าง ๆ จากสายวิชาของพระอาจารย์จวบ และพระเถราจารย์อีกมากมายหลายร้อยยันต์
• ยันต์เทพนิมิต ที่พระอาจารย์จารในวันพิธี ซึ่งว่ากันว่าให้ผลในทาง โชคลาภ ลาภลอย และเทพดลใจ
• รวมถึงชนวนโลหะศักดิ์สิทธิ์อีกมากมาย รวมน้ำหนักกว่า หลายสิบกิโลกรัมฯลฯ
 
ขนาดองค์พระกริ่ง:
สูงประมาณ 5 เซนติเมตร
กว้างประมาณ 2 เซนติเมตร
 
การจัดสร้างแบ่งออกเป็น:
ชุดประธานสายบุญ (จำนวน 28 ชุด)
ภายใน 1 ชุดประกอบด้วยพระกริ่ง 3 องค์ ดังนี้:
1.1 พระกริ่งเนื้อมหาชนวนล้วนๆ (ก้นอุดผงพุทธคุณ) อุดด้วยผงพุทธคุณมหามงคลค้ำคูณดวงชะตา ได้แก่
• ผงมหาลาภ ทรายเงิน ทรายทอง ผงปูนแดง พลอยเสกสายคุณแม่บุญเรือน
• ผงสายหลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง
• ผงลูกอมพระปลัดปาน วัดตุ๊กตา
• ผงพุทธคุณต่างๆของพระอาจารย์จวบ
• จีวรและเกศาพระอาจารย์จวบ
 
1.2 พระกริ่งเนื้อสัตตะโลหะล้างอาถรรพ์ (ก้นอุดผงล้างอาถรรพ์) อุดด้วย ผงขี้สูตรดินเพียง (หรือชันโรงดินราบ ดีทางล้างอาถรรพ์ กำบัง ป้องกันมนต์ดำ ลมเพลมพัด เสนียดจัญไร) รวมถึง ของทนสิทธิ์ไม้ปราบอาถรรพ์ และบรรจุจีวร–เกศาพระอาจารย์ สร้าง 28 องค์
 
1.3 พระกริ่งเนื้อสัมฤทธิ์คุณผสมชนวน (ก้นอุดผงวิเศษ) อุดด้วยผงยาวาสนาจินดามณีเก่าจากหลายวัด หลายสำนัก รวมถึงผงพระว่านจำปาสัก และ ผงว่านเสน่จันทร์ ว่านมหาลาภมงคลต่าง ๆ บรรจุจีวร–เกศาพระอาจารย์จวบ สร้าง 28องค์
 
2.พระกริ่งเนื้อนวะโลหะกลับดำมหาคุณผสมชนวนศักดิ์สิทธิ์ ก้นบรรจุกริ่ง
จำนวนการจัดสร้าง: 56 องค์
 
 
 
3.พระกริ่งเนื้อสัมฤทธิ์คุณ ผสมชนวน ก้นบรรจุกริ่ง
จำนวนการจัดสร้าง: 227 องค์
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
 
หมายเหตุ:
ทุกรายการมี โค้ดและหมายเลขกำกับทุกองค์ เพื่อความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
 
เพิ่มเติม:
พระกริ่งเนื้อมหาชนวนล้วน (ก้นอุดผงพุทธคุณ) จัดสร้างทั้งหมด 82 องค์
โดยหมายเลข 1–28 บรรจุในชุดประธานสายบุญ ส่วนที่เหลือ ไม่มีเปิดให้บูชา แต่จะสงวนไว้เพื่อกิจพระศาสนา และตามที่พระอาจารย์เห็นสมควรในวาระอันเหมาะสม
 
ขอพาทุกท่านเข้าสู่เรื่องราวของ พิธีค้ำดวงชาตาอันเป็นส่วนสำคัญของพระกริ่งพุทธบารมีรุ่นนี้ พิธีนี้ถูกจัดขึ้นเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2568 ซึ่งตรงกับ วันเถลิงศกปีใหม่ไทย ณ วัดแสนสุขธรรมาราม
 
ภายในพิธี มีการสวดสาธยาย พุทธมนต์ และ เทวะมนต์ อย่างครบถ้วน ประกอบด้วยพิธี เทวตาพลี อุทิศบุญกุศลแด่ พระนพเคราะห์ทั้งเก้า รวมถึงการอธิษฐาน ค้ำโพธิ์ ค้ำดวงชะตา เพื่อขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ผู้ที่บูชาพระกริ่งนี้ได้รับการคุ้มครองตามกำลังบุญบารมี
 
 
ในวันนั้น พระอาจารย์จวบได้ตั้งสัจจะอธิษฐานต่อพระกริ่งพุทธบารมี ความว่า:
“หากบุคคลใดก็ตาม ภายในใจมี นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต... หรือ นะโมพุทธัสสะ นะโมธัมมัสสะ นะโมสังฆัสสะ ด้วยความเคารพนอบน้อมในพระกริ่งนี้แล้วไซร้ แม้นต้องเคราะห์อันให้โทษก็ดี ขออำนาจพุทธบารมีแห่งพระกริ่งนี้ จงระงับและห้ามโทษภัยเหล่านั้นเสีย”
----------------------------------
 
 
ภายหลังพิธี พระอาจารย์ได้เมตตากล่าวถึงพุทธคุณพระกริ่งไว้ว่า
“พระกริ่งนี้ อันดับหนึ่งคือเด่นทางค้ำดวง ค้ำชะตา ไม่ให้ตกต่ำ”
 
“ให้อธิษฐานบอกกล่าวต่อพระกริ่ง ต่อเทวดาที่รักษาตัวเราว่า ข้าพเจ้าชื่อ...นามสกุล... ขอพระกริ่งพุทธบารมีจงค้ำชูดวงชะตาข้าพเจ้าผู้เคารพบูชา"
แล้วอำนาจแห่งพระกริ่งนี้ จะไปเจรจากับเทวานพเคราะห์แทนตัวท่านเอง เพราะอาตมาได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้เช่นนั้น
 
หากแม้นถึงคราวหรือถึงที่จริงๆ – พระอาจารย์กล่าวว่า –
“บุคคลนั้นจะไม่สามารถคล้องพระกริ่งนี้ได้ หรือพระกริ่งจะพลันไม่อยู่กับตัว ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม อันนี้อาตมาช่วยไม่ได้จริงๆ”
 
 
หากผู้บูชาเกิดความไม่สบายใจ วิตก เคราะห์ซ้ำกรรมซัด
พระอาจารย์แนะนำให้
อาราธนาพระกริ่งลงแช่น้ำผสม มะกรูด และ ส้มป่อย
สวดพระคาถา อิติปิโส...(ห้องพุทธคุณ) ตาม “กำลังวัน”
จากนั้นนำน้ำนั้นมารดที่ศีรษะและอาบให้ทั่วร่างกาย
“จะบรรเทาเคราะห์ และกลับร้ายให้กลายเป็นดี”
----------------------------------
 
พระกริ่งพุทธบารมี จะนำเข้าพิธีอธิษฐานจิตปิดท้ายอีกครั้งในช่วงวันวิสาขบูชาที่จะถึงนี้ จึงจะถือเป็นการอธิษฐานขอรับพุทธบารมีครบถ้วนบริบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งฤกษ์ ทั้งพิธี และทั้งเจตนาบริสุทธิ์
 
 
บางเรื่อง… เมื่อเราไม่อาจหาคำอธิบายให้มันได้ เราจึงเรียกมันว่า “อัศจรรย์” หรือ “ปาฏิหาริย์”
หากมองในฐานะเรื่องเล่าและความเชื่อ
 
ก็มีความเชื่อว่า…
“พระกริ่งนี้ค้ำดวงชะตาได้ ด้วยพุทธบารมีในองค์พระสามารถ ‘ต่อรอง’ กับเทวานพเคราะห์แทนผู้บูชา พระองค์นี้มีกำลังพระโพธิสัตว์นำหน้า มีกำลังวาสนาและบารมีแห่งพระกริ่ง…เรศ หนุนหลัง แม้นหากเกิดอุบาทว์ หรือไม่สบายจิตร้อนลุ่มใจก็ให้อาราธนาทำน้ำมนต์รดอาบ ชะล้างสิ่งอัปมงคลให้สิ้นไป…”
 
และนั่น… อาจเป็น “คำจำกัดความ” ที่กระชับแต่เปี่ยมด้วยมนต์ขลังของ พระกริ่งพุทธบารมี แห่งพระญาครูจวบ ปัญญาธีโร วัดแสนสุขธรรมาราม เมืองร้อยเอ็ด
 
Visitors: 51,776