สีผึ้งนารีอุปถัมภ์ อ.สิทธิ์ หอนันทเวทย์ล้านนา 2566

 
 ใคร่ขอนำเสนอเพชรเม็ดงามแห่งวงการไสยเวทย์จากดินแดนอาณาจักรล้านนา นั่นก็คือ ท่านอาจารย์สิทธิ์ หอนันทเวทย์ล้านนา ผู้เป็นดั่งคลังแสงแห่งพระเวทย์ที่สามารถเคลื่อนที่ได้ในปัจจุบัน


ท่านอาจารย์สิทธิ์ท่านนี้ เป็นผู้รู้และเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ทั้งคอยให้คำแนะนำอาจารย์ที่มีชื่อเสียงหลายๆท่าน ลูกศิษย์ลูกหาท่านมีทั้งไทย จีน ไทใหญ่ รวมถึงชาวเขาชาวดอย แต่ท่านไม่อยากเปิดตัวใดๆให้วุ่นวาย ท่านบอกว่าการมีชีวิตที่ไม่มีชื่อเสียงหรือใครรู้จักคือความสงบอย่างนึงของท่าน ซึ่งกว่าทางบ้านคุ้มเทวาจะขอความเมตตาจากท่านในเรื่องวัตถุมงคลเพื่อนำมาเผยแผ่ได้ ต้องใช้เวลาเทียวไล้เทียวขื่ออยู่หลายปี เรียกว่าไปจนผ่านการทดสอบเห็นความตั้งใจจริงที่อยากจะอนุรักษ์สายวิชาที่ท่านอ.สิทธิ์ ร่ำเรียนมาไม่ให้สาปสูญ ท่านจึงได้ใจอ่อนและอนุญาตในที่สุด

ประสบการณ์เรื่องวัตถุมงคลของท่านที่ลูกศิษย์ลูกหาต่างยกนิ้วให้นั่นคือ เรื่องเสริมดวงชะตาราศี พลิกชะตาจากร้ายกลายเป็นดี รวมถึงแก้อาถรรพ์ต่างๆและ ยิ่งเรื่องเมตตามหาเสน่หืหวานเจี๊ยบ เชื่อขนมกินกันได้เลยทีเดียว

************************************************************************************
ประวัติของท่านอาจารย์สิทธิ์ หอนันทเวทย์ล้านนา โดยย่นย่อที่ท่านอนุญาตให้เปิดเผยได้ มีคร่าวๆดังนี้

ท่านเล่าว่าตัวท่านเองตั้งแต่เด็กๆพอจำความได้ ท่านจะชอบไปหาลุงคนหนึ่งที่อยู่บ้านใกล้ๆกับท่าน ไปดูลุงคนนี้ประกอบพิธีกรรมทำนู่นนั่นนี่ ท่านบอกว่าท่านรู้สึกชอบและตื่นตาตื่นใจทุกครั้งที่ได้ไปดูไปเห็น ส่วนเวลาว่างเพื่อนรุ่นเดียวกันก็ไปวิ่งซนเล่นนู่นนั่นนี่ตามประสาตามวัย แต่ท่านกลับชอบที่จะเอาดินเหนียวมาปั้นเป็นรูปพระพุทธต่างๆ ท่านว่าทุกครั้งที่ได้ปั้น มันรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ครั้นเรียนทางโลกจบชั้นประถม6 ท่านก็บวชเณรแล้วเริ่มเรียนเขียนอ่านตั๋วเมือง(อักษรล้านนา)ที่วัดแม่ผาแหน

จนอ่านเรียนเขียนคล่อง ก็เริ่มสนใจเรียนเรื่องเวทย์มนต์พระคาถาต่างๆ โดยได้เริ่มศึกษาตั้งแต่มนต์พื้นฐานตามประเพณีนิยมในฝ่ายล้านนา อีกทั้งมนต์จ๊างโขลง(ช้างประสมโขลง) มนต์ธรณีสาร สายหลวงปู่หล้าตาทิพย์ ฯลฯนอกจากนั้นในทางเมตตามหาเสน่ห์ มหานิยมท่านก็ได้ พ่อน้อยสม เป็นผู้ถ่ายทอดให้มากมาย มิใช่แต่เพียงในสายล้านนาเท่านั้น แม้นทางไทใหญ่ท่านก็ไปศึกษา โดยมีหนานจายคำ แห่งเมืองเชียงตุงเป็นผู้ประสิทธิประสาทให้ รวมถึงยังมีพระระดับสูงที่นั่น ท่านอาจารย์ก็ได้เป็นลูกศิษย์สืบทอดต่อยอดสรรพวิชา

นอกจากที่กล่าวมานั้น ท่านว่าจะเป็นด้วยเหตุอันใดก็มิทราบ ท่านก็มักจะได้ปั๊บสา(ตำรา)ของครูบาอาจารย์เก่าๆมาศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอย่างประหลาด ทั้งปั๊บสาทางเมืองลัง ปั๊บสาของพวกไทขืนหรือไทเขิน ท่านว่าตัวท่านเองก็ไม่ใช่คนที่รู้ทุกอย่าง บางอย่างไม่เข้าใจท่านก็ต้องถือปั๊บสาไปตามหาผู้รู้เพื่อให้คำชี้แนะ เพราะท่านว่าถ้ามัวแต่ถือตำรามานอนกอดไว้ ก็ไม่เห็นจะเป็นประโยชน์อันใด บางวิชาท่านเล่าว่าหากพูดไปใครก็ว่าโม้ แต่มักจะมีนิมิตจากครูบาอาจารย์ที่ท่านไม่รู้จักมาสอนให้ ซึ่งตอนแรกๆท่านว่า อาจจะเป็นนิมิตหลอก แต่พอเอาวิชาที่ได้มาลองทำดู ก็ล้วนเห็นผลเป็นประจักษ์ จึงเชื่อว่าคงเป็นแรงครูท่านเมตตามาถ่ายทอดไว้ให้สงเคราะห์ช่วยเหลือคน

********************************************************************

ปัจจุบันท่าน อ.สิทธิ์ก็ยังชอบทำตัวเร้นลับอยู่เช่นเดิม และก็ยังพากเพียรศึกษาหาความรู้เพื่อเติมเต็มสิ่งที่ท่านไม่รู้อยู่เสมอ ท่านว่าความรู้ในไสยเวทย์ในโลกใบนี้มากมายนัก ครูบาอาจารย์เก่งๆก็ยังมีอีกมาก ความรู้ในหัวที่ท่านมีอาจยังไม่ได้หนึ่งเปอร์เซ็นต์เลยถ้าเทียบแล้ว นี่คือความอ่อนน้อมถ่อมตนของท่าน ที่ท่านไม่ชอบยกตนข่มใคร และด้วยไม่ค่อยมีใครรู้จักหรือเคยพบท่าน ท่านก็เลยสามารถนั่งฟังครูบาอาจารย์หลายๆท่านสนทนากัน เพื่อเก็บเกี่ยวเอาวิชาความรู้รวมถึงเคล็ดต่างๆไว้มากมาย

ท่านยังบอกว่าตัวของท่านเองไม่ค่อยมีใครรู้จัก ด้วยเป็นคนชอบเก็บตัว แต่เครื่องรางของท่านใช้ได้ไม่ทิ้งรอยครู เทียบกับ การที่มีชื่อเสียงคนรู้จักมากมาย แต่ของใช้ไม่ได้ผล หากเป็นพวกคุณ คุณจะเลือกไปหาอาจารย์แบบไหน คุณก็ลองคิดดูเอาเองแล้วกัน??

 

ขอกล่าวถึงสีผึ้ง เครื่องรางที่อาจดูแสนธรรมดาสำหรับใครบางคน แต่มันไม่ธรรมดาเลยหากเป็นสุดยอดสีผึ้งของท่านอาจารย์สิทธิ์ หอนันทเวทย์ล้านนา สีผึ้งที่จะกล่าวถึงนี้ก็คือ สีผึ้งนารีอุปถัมภ์ ท่านอาจารย์เล่าว่าสีผึ้งนี้ที่บอกว่าชั้นสูงด้วยสำเร็จจากสายวิชาชั้นสูงทั้งสิ้น และเป็นของสูงด้วยใช้เสริมราศรีที่ปากและบนใบหน้า ซึ่งท่านว่ากว่าจะทำทุกอย่างได้ครบถ้วนตามตำรา ก็กินเวลาไปซะประมาณ 8ปี เพราะต้องครบองค์ประกอบทั้งวิชชา มวลสาร ว่านยา ฤกษ์ผานาที ตลอดจนถึงเคล็ดลับพิธีกรรมต่างๆ หากทุกอย่างไม่ครบถ้วน ท่านจะไม่ทำเด็ดขาด เพราะถือว่านอกครู นอกตำรา

อันสีผึ้งนารีอุปถัมภ์นี้ หากฟังเผินๆดูแล้ว อาจจะตีความกันไปเองว่าสำหรับผู้ชายใช้ เพื่อให้มีสาวๆมาเลี้ยงดู แต่จริงๆแล้วตัวสีผึ้งหลักในชุดนี้สำเร็จจากวิชาทำสีผึ้งเทพนารีสุระสตี่ทั้ง 12 แม่ ดังนั้นหากผู้ชายใช้นอกจากจะเป็นเมตตาขั้นสูงแล้ว ก็จะมีเพศหญิง เพศแม่มาคอยอุปถัมภ์ช่วยเหลือ หรือบังเกิดเสน่ห์ชั้นสูงอาจถึงขั้นมีสาวเลี้ยงก็ไม่ผิด หรือเรียกว่ามีสาวๆเข้ามาให้เชยชมไม่ขาดสาย เพราะส่วนนี้ก็ว่ากันไปตามสายวิชาตามตำรา แล้วผู้หญิงใช้บูชาล่ะ!! ก็จักได้กำลังของเพศแม่นั่นคือองค์พระแม่สุระสตี่ทั้ง12นาง เข้าคอยช่วยเหลือ ให้บังเกิดเมตตา เกิดปัญญา เป็นปิยะมหาเสน่ห์อย่างเอกอุ ซึ่งก็อาจนำพาหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่เข้ามาอุปถัมภ์เราไม่ขาดได้เช่นกันนั่นเอง



กล่าวถึงสีผึ้งสุดขลังและมวลสารสำคัญต่างๆที่มาประกอบกันขึ้นเป็นสีผึ้งนารีอุปถัมภ์ในครั้งนี้

1.ในส่วนตัวสีผึ้งหลักนั้น ท่านอ.สิทธิ์ได้สร้างตามนิมิตเเห่งองค์พระเเม่สุระสตี่ที่ให้สร้างสีผึ้งถึง 6 ครั้ง 6 ชนิดแล้วแยกเสกกำกับเก็บเอาไว้ แล้วจึงค่อยนำมาหุงรวมกันในครั้งที่ 7 ซึ่งเฉพาะส่วนนี้ก็กินเวลาไปกว่า 3ปีแล้ว กว่าจะสำเร็จออกมาได้


2.สีผึ้งพะยองสุระสะตี่ ซึ่งมีวิธีการทำที่ซับซ้อนมากและต้องมีความอุสาหะสูงยิ่งจึงจะสำเร็จออกมาได้ เรียกว่าถ้าใจไม่รักแค่พอทราบวิธีก็เลิกแล้ว ซึ่งพอจะเปิดเผยให้ทราบได้บางส่วนคือ ต้องทำการเซ่นสังเวยองค์พระเเม่สุระสะตี่ขี่ม้า และพระอินทร์ทรงช้าง 7วันเป็นต้นฯ แล้วจึงนำมาหุงเป็นสีผึ้งพะยองคำ แล้วค่อยปลุกเสกจนสำเร็จเป็นสีผึ้งมหาเสน่ห์ชั้นสูงตามตำรา

3.สีผึ้งมนต์จ๊างโขลง(ช้างประสมโขลง) เป็นสีผึ้งที่สร้างชื่ออย่างมากท่านอาจารย์ ด้วยท่านสำเร็จมนต์วิชานี้ตั้งแต่เริ่มศีกษาไสยเวทย์ใหม่ๆ

4.สีผึ้งสาริกาคำปากแก้ว คือวิชาสีผึ้งสาริกาปากทองคำ เชื่อกันว่าไปพูดคุยกับใครเขาก็เชื่อถือ ดั่งมีมนต์ประกาศิต เจรจาการค้าได้เงิน ได้งาน ค้าแม่นขายหมาน สำเร็จสมประสงค์สมเจตนาทุกประการ

                                                           



5.สีผึ้งพญางูเหลือม-อมทรัพย์ สีผึ้งนี้ทางอ.สิทธิ์ท่านว่าดีทางโภคทรัพย์ ลาภลอยมาหา ด้วยมนต์พญางูเหลือมนั้น ย่อมนอนรอเหยื่ออันโอชะให้มาหาเอง ซึ่งเหยื่อเหล่านั้นดั่งต้องมนต์จักหลีกให้พ้นไปก็มิได้ เรียกว่าลาภสักการะมีมาทุกทิศทาง จักไม่อดอยากหรือขาดแคลนใดๆเลย หากแม้นจะหมดก็จะมี ส่วนที่มีอยู่แล้วก็งอกเงยเพิ่มพูนยิ่งๆขึ้นไป

6.สีผึ้งไก่แดง สีผึ้งนี้ท่านอาจารย์ได้นำหัวเชื้อผงยาว่านไก่แดงทั้งของท่านและครูบาอาจารย์มาหุงขยายขึ้นมา แต่โบราณเชื่อว่าเด่นด้านปิยะสิทธิ หรือแปลว่าเมตตามหาเสน่ห์เป็นที่สุด บางท่านก็ตีความว่าพวกเจ้าชู้ไก่แจ้ นี่เหมาะกับสีผึ้งไก่แดงนี้ยิ่งนัก

7.สีผึ้งเก่าของท่านเจ้าสล่าลายไส ท่านอ.สิทธิ์ได้รับมอบมาไม่มากนัก และทราบว่าเป็นสีผึ้งที่เคยใช้บรรจุในเครื่องรางที่สร้างชื่อของเจ้าสล่าฯอีกด้วย ท่านว่ามีอิทธิคุณสุดพรรณนา ทั้งเมตตา โชคลาภ ค้าขาย ครบถ้วนทุกประการ และยังมีว่านยาต่างๆเป็นส่วนประกอบอีกมากมายฯลฯ


ซึ่งสีผึ้งที่กล่าวมาข้างต้นแต่ละชนิด ล้วนเเต่ประกอบพิธีหุงในวันสำคัญๆแทบทั้งสิ้นเช่นวันเกิดสุริยคราส. วันเกิดจันทคราส. วันเข้าพรรษา.วันจันทร์ซ้อนจันทร์.(วันเพ็ญขึ้น15ค่ำที่ตรงกับวันจันทร์) วันเพ็ญเดือน12 หรือวันลอยกระทงบ้าง ตามแต่โอกาสตามฤกษ์ผานาทีในปีนั้นๆที่มองดูแล้วสามารถประกอบพิธีได้ จึงกินเวลาไปหลายปีกว่าจะได้ครบถ้วน และท้ายที่สุดท่านอาจารย์ได้นำสีผึ้งทั้งหมดที่กล่าวมา นำมาหุงรวมกันและประจุคุณวิชาในวันไหว้ครูประจำปีอีกครั้งจึงครบถ้วน สำเร็จเป็นสีผึ้งนารีอุปถัมภ์ที่จะได้มานำเสนอในครั้งนี้นั่นเอง

 

กล่าวถึงในส่วนของตลับที่นำมาบรรจุสีผึ้งนารีอุปถัมภ์(สาวฮัก-สาวหุม)นั้น ท่านอ.สิทธิ์ ได้นำมาบรรจุในตลับโลหะรูปหัวใจ และยิงเลเซอร์ยันต์อิ่นหน่อง รวมถึงชื่อของท่านกำกับไว้ที่ฝาตลับ ท่านว่าตลับลักษณะนี้ความหมายดีคือ เหมือนดั่งความรักที่ผูกกันไว้ด้วยหัวใจ ภายหลังจากได้บรรจุสีผึ้งลงในตลับตามฤกษ์ทางปิยะเสน่หาทั้งสิ้นแล้ว ท่านก็ได้ประกอบพิธีประจุคุณมนต์สำทับกำกับให้อีกถึง 3 ทิวา 3 ราตรี
 
โดยตลอดพิธีในห้องที่ท่านเสกจะมีกลิ่นเครื่องหอมคละคลุ้งตลอดเวลาจากกำยานและน้ำหอม และที่ประหลาดกว่านั้นคือบางกลิ่นไม่สามารถบอกได้ว่าหอมจากอะไรและมาจากไหน เรียกว่าหาต้นตอของกลิ่นหอมแบบนี้ไม่พบ ถามตัวท่านท่านก็ว่ามนต์บางบทเป็นมนต์มาลาสวรรค์หรือดอกไม้ทิพย์ เทพที่รักษาเขาอาจจะนำลงมาบูชาก็ได้ ซึ่งท่านอาจารย์ก็ตอบเลี่ยงๆไปแบบนี้
 
 
ท่านอาจารย์ยังเล่าอีกว่า นิมิตสุดท้ายท่านได้เห็นองค์พระแม่สุรสะตีท่านมาครบทั้งรูปทั้งเสียงเลย ใบหน้าท่านมีเมตตามาก แล้วก็พลันบังเกิดแสงสีทองสว่างไสวไปทั่ว นับเป็นวาสนาของผู้ที่รู้ ผู้ที่จะได้สีผึ้งนี้ไปบูชาอย่างยิ่ง ส่วนตัวท่านเองท่านได้หยิบสีผึ้งชุดนี้ไปเก็บไว้ส่วนหนึ่งและบอกว่า ขอเก็บไว้ระลึกถึงว่าเคยได้สร้าง ได้ทำไว้ เพราะภายหน้าต่อให้ทำใหม่ก็ไม่แน่ใจว่าจะได้เต็มสูตรแบบนี้อีกหรือไม่
 
ในส่วนของอิทธิคุณสีผึ้งนารีอุปถัมภ์นั้น มีความเชื่อสืบๆกันมาว่า
 
-ใช้สวดอธิษฐานแตะแต้มสีปาก เจิมหน้า และพกติดตัวไป เป็นเมตตามหานิยมอย่างสูง รวมถึงใช้อธิษฐานไปทางเสน่ห์ก็ได้ ส่วนนี้ขึ้นอยู่ที่เจตนาผู้ใช้เป็นสำคัญ หากใช้เชิงชู้สาว ต้องมั่นใจว่าเรารับเลี้ยงดูเขาได้ อย่าไปทิ้งขว้างเด็ดขาด มันไม่ดี หากเป็นเพียงคู่ผ่านก็ให้อธิษฐานใช้แบบไม่เจาะจง
 
 
-แม้นปรารถนาไปค้าไปขาย ไปเจรจาใดๆ ให้อธิษฐานแตะแต้มสีผึ้งสีปาก เจิมคิ้ว แล้วนำติดตัวไป ดั่งมีแม่เหล็กดึงดูดลูกค้า ด้วยมนต์พระแม่สุระสตี่ ท่านย่อมไม่ปล่อยให้ลูกๆของท่านอดๆอยากๆอย่างแน่นอน ทำมาค้าขายสิ่งใดก็ล้วนกำไรงาม ดั่งคำว่า “ค้าแม่น ขายหมาน”นั่นแลฯ
 
-สีผึ้งนี้หากใช้หมดแล้ว แม้นแต่ตัวตลับเปล่าๆก็ยังพกพาบูชาได้ ด้วยท่านได้ลงมนต์อิ่นหน่องกำกับไว้แล้ว ย่อมมีคุณประดุจดั่งการพกตะกรุดไว้บูชา
 
ด้วยสีผึ้งชุดนี้มีด้วยกัน 2แบบ คือแบบสีทองตลับครูพิเศษ และแบบตลับสีเงินแบบกรรมการ ท่านอาจารย์บอกว่าได้ลงวิชาเรียกเงิน และเรียกทองแยกไว้ตามสีของตลับตามเคล็ดวิชาเป็นพิเศษ **หากใครได้บูชาเป็นคู่ทั้งตลับสีเงินและสีทอง นอกจากเรื่องเสน่ห์เมตตาแล้ว ก็จะโดดเด่นในเรื่องการเงินการทองเป็นพิเศษอีกด้วย 
 
 
ตลับสีผึ้งที่จะเปิดให้จอง มีขนาดประมาณ 2ซม. และมี 2 แบบดังนี้
 
 
1.ตลับครูพิเศษสีทอง ด้านในบรรจุหัวเชื้อสีผึ้งพะยองคำ(สีออกแดง)และสีผึ้งรวมมวลสาร ฝังตะกรุดปิยะสิทธิ ฝังอิ่นคู่ผูกจิต ฝังเม็ดผงยามหาเสน่ห์ฝ่ายล้านนา พม่า ไทใหญ่ จัดสร้างเพียง 59 ตลับ 
 
 
2.ตลับกรรมการสีเงิน ด้านในบรรจุสีผึ้งรวมมวลสาร ฝังตะกรุดปิยะสิทธิ ฝังเม็ดผงยามหาเสน่ห์ฝ่ายล้านนา พม่า ไทใหญ่ จัดสร้างเพียง 108  ตลับ 
**ทุกรายการมีวิธีบูชาแนบไปด้วย

 

Visitors: 40,463